“จุดแข็งของ CCI คือ R&D ทำให้สินค้าของเราเห็นผลได้จริง และตอบโจทย์ผู้บริโภค ต่อให้มีวิกฤติธุรกิจก็ไม่กระทบ”
โลกของธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง…โดยเฉพาะยุคที่ความเปลี่ยนแปลงถูกเร่งปฏิกิริยาให้เร็วขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ การเติบโตในยุคนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากกับหลายบริษัทแต่ไม่ใช่สำหรับ “บริษัท ซีซีไอ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด” หรือ “CCI” ที่มีรากฐานของบริษัทสุดแข็งแกร่ง ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ และมีการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง ทำให้ “CCI” ไม่ใช่แค่อยู่รอดแต่ยังเติบโตได้ยุคนี้ เพราะทุกกลยุทธ์ถูกออกแบบโดย ดร.ณสพน โพธิ์วิจิตร ประธานกรรมการบริหาร ที่มุ่งเน้นการสร้างธุรกิจให้เติบโตมั่นคงยั่งยืนเพื่อเป็น “Long Term Business” อย่างแท้จริง
สร้างเอกลักษณ์ด้วย “R&D” เดินเกมเหนือคู่แข่ง
ปัจจัยความสำเร็จของ “CCI” คือ “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” ในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มีทีมผู้บริหารเป็นเหล่านักวิจัยระดับหัวกะทิ ตั้งแต่ประธานบริษัท “ดร.ณสพน” ผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์เภสัชกรรม เสริมความแข็งแกร่งด้วยพันธมิตรนักวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น “ดร.โยจิ เอซูเระ” ผู้เคยอยู่เบื้องหลังการทำ “R&D” ให้แบรนด์ในญี่ปุ่นจนสร้างยอดขายได้ระดับหมื่นล้านบาท ก่อนจะมาจับมือกับ “ดร.ณสพน” วางรากฐานและคุมงานวิจัยให้ บริษัท ดีท็อกซ์ (ประเทศไทย) จํากัด มาร่วม 20 ปี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ดูแลการผลิตสินค้านวัตกรรมสมุนไพรไทย พร้อมดูแลสถาบัน NSPI ที่แข็งแกร่งด้านนวัตกรรมการวิจัยระดับโลก แล้วส่งต่อผลิตภัณฑ์เพื่อจัดจําหน่ายผ่าน “CCI” สร้างความแข็งแกร่งได้ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ บนมาตรฐานการวิจัยรับรองระดับสากลตลอดระยะเวลา 6 ปี ที่ผ่านมา
“จุดแข็งของ CCI คือ R&D ทำให้สินค้าของเราเห็นผลได้จริง และตอบโจทย์ผู้บริโภค ต่อให้มีวิกฤติธุรกิจก็ไม่กระทบเพราะสินค้าเราแข็งแกร่ง และการรับมือต้องมองไปข้างหน้า เราลงทุนทั้งในเรื่องเครื่องมือและบุคลากร สร้างห้องแล็บ R&D ด้วยเงินทุนหลักร้อยล้าน ผลิตภัณฑ์ทุกตัวก่อนที่จะออกสู่ท้องตลาดมีการทดลองทั้ง In Vitro study & In Vivo Study ก่อนไปสู่การวิจัยทางคลินิก นอกจากนี้ CCI ยังให้นักธุรกิจนําสินค้าไปใช้ฟรี 2-3 เดือน พร้อมกับเก็บข้อมูลด้วยนักเทคนิคการแพทย์ตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้วนําผลมาวิเคราะห์ โดยละเอียด จึงถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับและพิสูจน์ ได้จริง”
“CCI” ยังเตรียมวางจําหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกไตรมาส โดยคาดว่าจะมีออกมาไม่น้อยกว่า 6 รายการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อาทิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดูแลสายตา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูแลเกี่ยวกับโรค NCDs ผลิตภัณฑ์เครื่องสําอาง PROVE เป็นต้น
ด้านการลงทุนจะใช้งบประมาณอีก 30 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรทั้งระบบการสกัดและการผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ทำให้เครื่องมือช่วยยกระดับสารสกัดให้ได้ผลสูงยิ่งขึ้น รวมไปถึงเพิ่มสายการผลิตสินค้าเครื่องสําอาง “โดยมั่นใจได้ว่าเรา คือ เบอร์ 1 ด้าน INNOVATIVE HERBS”
การลงทุนแบบ 360 องศา “Long Term Business”
ในปีนี้ “ดร.ณสพน” จะลงทุนแบบ 360 องศาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านการตลาด ทั้งการพัฒนาระบบหน้าบ้านและระบบ ซัพพอร์ตหลังบ้าน ด้านการผลิตสื่อออนไลน์ ด้านบุคลากร สร้างระบบถ่ายทอดสดที่มีแสงสีเสียงครบวงจรเป็นของบริษัท สำหรับผลิตคอนเทนต์ และทำกิจกรรมสนับสนุนการตลาด รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมด้าน R&D และ สถานที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกอีกด้วย
“ในอนาคตธุรกิจขายตรงที่ยังคงทำธุรกิจแบบเดิมอาจจะต้องปรับตัวมากขึ้น เพราะทุกคนมุ่งไปดิจิทัลหมด เราจึงหันมาปรับตัวให้ทันและมองไปข้างหน้า ต้องวางแผนกลยุทธ์แบบผสมผสาน ดึงคนเข้าระบบด้วยออนไลน์ แล้วบริหารทีมแบบออฟไลน์ เช่น งานแคมป์ที่ชื่อว่า iMaster เป็นหลักสูตรที่บริษัทพัฒนาร่วมกับผู้นํา เป็นต้น ส่วนด้านการจัดส่งสินค้าเราติดปีกให้สมาชิกด้วยการสร้างระบบ Dropship ที่เป็นทีมขนส่งของบริษัทเอง ทำให้ทุกคนทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะขายหรือขยายงาน”
นอกจาก “อาคารโพธิ์วิจิตร” สำนักงานใหญ่ของ “CCI” บนถนนวิภาวดีรังสิต ที่มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหรา มีห้องฝึกอบรมและจัดเลี้ยง ที่จุคนได้ถึง 500 คน ปีนี้ “ดร.ณสพน” ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องอีกร่วม 200 ล้านบาทเพื่อ “สร้างศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่” และ “โรงงานเครื่องมือแพทย์” ที่อำเภอคลองหลวง ถนนเลียบคลอง 4 ที่บริษัทซื้อที่ดิน ไว้จำนวน 16 ไร่ ที่กําลังจะแล้วเสร็จเร็ว ๆ นี้
“บริษัทมีสำนักงานและห้องประชุมให้สมาชิกมาใช้บริการ เพื่อให้ทำธุรกิจได้สะดวก ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว และสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกว่า CCI มั่นคงแน่นอนเพราะมีสินทรัพย์เป็นหลักประกันให้หลายร้อยล้านบาท บริษัทกล้าลงทุนเพราะโครงสร้างทางการเงินแข็งแรงมาก เราไม่ได้หวังทำธุรกิจ ระยะสั้น หรือตีหัวเข้าบ้าน แต่เราคือธุรกิจที่เป็น Long Term Business อย่างแท้จริง”
สำหรับเป้าหมายในระยะยาว “CCI” ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้า นวัตกรรมใหม่ตลอดเวลา โดยมีแผนที่จะร่วมมือด้านงานวิจัยกับบริษัท ชั้นนํา และมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนสร้าง “Wellness Center” ที่บ้านห้วยหม้อ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ไว้รองรับนักธุรกิจและลูกค้าที่มีปัญหาสุขภาพให้เข้ามาบําบัดกับผู้เชี่ยวชาญของบริษัท เพื่อต่อยอดทางธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพในอนาคต